วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2552

อนุมูลอิสระ ภัยร้ายที่คุณควรรู้จัก



ปัจจุบันนี้มีคนพูดถึงคำ ๆ นี้กันมาก เพราะเจ้าสารตัวนี้อาจจะถือได้ว่าเป็นต้นตอของปัญหาที่เลวร้ายทั้งหลายภายในร่างกายคนเรา
ไม่ว่าโรคหัวใจ โรคมะเร็ง ความแก่ ความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ จะเห็นว่ายาบำรุงหรือสารอาหาร เครื่องสำอางต่าง ๆ เช่น จะบอกว่ามีส่วนผสมของวิตามินอี ซึ่งจัดเป็น antioxidant ที่สำคัญตัวหนึ่งเอาไว้คอยป้องกันผลเสียอันเกิดอนุมูลอิสระนั้นเองซึ่งเจ้าอนุมูลอิสระ หรือ Active Oxygen ก็คือออกซิเจนที่ก่อให้เกิดสารพิษภายในร่างกาย ซึ่งสาเหตุของการเกิดนั้น ก็คือ ปัจจัยภายใน ความเครียด ความเหนื่อยล้า การออกกำลังกายหักโหมเกินกำลัง และปัจจัยภายนอกได้แก่ สภาพแวดล้อมเป็นพิษ ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นมลภาวะ แสงแดด ฝุ่นควันการสูบบุหรี่ ควันบุหรี่มือสองจากคนอื่น ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกิจกรรมที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย เพราะเป็นสิ่งที่เราต้องพบเจอทุก ๆ วันอยู่แล้ว
และที่สำคัญที่สำคัญอาหารที่มักจะเป็นต้นตอของอนุมูลอิสระมักจะเป็นของโปรดของหลาย ๆ ท่าน คืออาหารพวก ปิ้ง ย่าง เผา พวกเนื้อกรอบ เกรียมไหม้ ซึ่งหลาย ๆ คนก็ต้องพยายามลด ละ เลิก กันไปแล้ว ในขณะที่บางคนก็พยายามค่อย ๆ ลดลงเช่นกัน
และสำหรับใครที่คิดว่า ตัวเองกำลังเข้าข่ายโดนเจ้าอนุมูลอิสระเข้าคุคามล่ะก็ ฟังทางนี้ค่ะ เรามีวิธีหลีกเลี่ยงมาฝาก ...
เริ่มจาก ทำตัวให้ผ่อนคลาย ไม่เคร่งเครียด อยู่ในที่ที่อากาศสะอาดและถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิห้องต้องไม่ร้อนหรือไม่เย็นจนเกินไป ซึ่งจะช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระในร่างกายเราได้ค่ะส่วนการกำจัดอนุมูลอิสระออกจากร่างกายเรานั้น ก็ทำได้โดยการทานอาหารที่สะอาด ถูกสุขลักษณะ ปราศจากสารพิษ สดใหม่ ให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นที่กลุ่มอาหารสุขภาพ อย่างผักผลไม้ใบเขียว เหลือง ซึ่งอุดมไปกากอาหาร ที่จะช่วยพาสารพิษและอนุมูลอิสระ ออกจากร่างกายเราได้ค่ะ รวมไปถึง "เบต้า - แคโรทีน" และวิตามินซีในผักสดเหล่านั้น ยังช่วยต่อต้านการก่อตัว ของอนุมูลอิสระในร่างกายเราได้อีกด้วย หรือจะเลือกกำจัดสารพิษจากไลฟ์สไตล์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการทำสปา โยคะ Detox หรือดื่มชาสมุนไพร ที่ให้ผลในการต่อต้านอนุมูลอิสระ อย่าง "ใบโรสแมรี่" ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ผ่อนคลาย ก็ช่วยลดอนุมูลอิสระได้เช่นกันคะ
มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มักถูกแนะนำอยู่สามตัวด้วยกัน คือ วิตามิน อี วิตามิน ซี และ
เบต้าคาโรทีนและปัจจุบันนี้ก็มีหลาย ๆ บริษัทยาที่ผลิตอาหารเสริมมาเพื่อป้องกันเจ้าอนุมูลอิสระนี้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลยืนยันได้แน่ชัดว่าจะได้ประโยชน์จริงหรือไม่

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

นาฬิกาชีวิต

สวัสดีคนรักสุขภาพทุกท่าน สุขภาพดีคือสิ่งที่ทุกคนปรารถนา คุณอยากรู้ไหมว่าทำอย่างไรให้ตัวเรามีสุขภาพแข็งแรง อยู่อย่างไรให้ชีวิตยืนยาว เราควรจะจัดระเบียบชีวิตของตนเองเสียใหม่ให้กิจกรรมประจำวันมีความสอดคล้องกับกฏเกณฑ์ของเวลาเพื่อให้เรารู้จักเวลาของชีวิตหรือนาฬิกาชีวิต ซึ่งเราจะต้องรู้ว่าควรทำอย่างไรในแต่ละชั่วโมง เพราะในทุก 2 ชั่วโมงพลังชีวิต(ลมปราณ)จะเคลื่อนผ่านอวัยวะที่แตกต่างกันไปรวม 12 ชนิด หมุนเวียนกันไปเริ่มตั้งแต่เวลาตี 1-ตี 3เป็นช่วงพลังเคลื่อนผ่านตับ ควรนอนหลับพักผ่อนและไม่ใช่เวลากินอาหารถ้าตับทำงานหนักจะทำให้หน้าที่หลักบกพร่องเป็นเหตุให้สารพิษตกค้างในตับ เวลาตี 3-ตี 5เป็นช่วงเวลาที่พลังไหลผ่านปอด จึงควรตื่นนอนขึ้นมาเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ถ้าตื่นนอนในช่วงนี้เป็นประจำปอดจะดีผิวจะดี เวลาตี 5-7โมงเช้าเป็นช่วงเวลาของการขับถ่ายโดยผ่านลำไส้ใหญ่ ควรขับถ่ายให้เป็นนิสัย เวลา7โมง-9โมงเป็นช่วงเวลาของกระเพาะอาหาร ถ้าเรากินอาหารเช้าในช่วงเวลานี้ได้ทุกวันกระเพาะเราจะแข็งแรง เวลา9โมง-11โมงเป็นช่วงเวลาม้าม ห้ามนอนเด็ดขาด เพราะม้ามจะอ่อนแอผู้ที่หลับในช่วงนี้จะปวดศรีษะ เจ็บชายโครง เหนื่อยง่าย เวลา11โมง-บ่ายโมงเป็นช่วงเวลาเคลื่อนผ่านหัวใจ หัวใจจะทำงานหนักจึงควรหลีกเลี่ยงเหตุแห่งความเครียดและใช้ความคิดหนัก เวลา13.00-15.00น.เป็นช่วงเวลาของลำไส้เล็ก เราควรงดกินอาหารทุกประเภทเพื่อเปิดโอกาสให้ลำไส้เล็กได้ทำงาน เวลา15.00-17.00น.เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ ในช่วงเวลานี้เราควรขับเหงื่อด้วยการออกกำลังกาย เวลา17.00-19.00น.เป็นเวลาของไต ควรทำตัวให้สดชื่นผู้ที่ง่วงเหงาหาวนอนเวลานี้แสดงว่ามีปัญหาเรื่องไตเสื่อม เวลา19.00-21.00น.เป็นช่วงเวลาของเยื่อหุ้มหัวใจ กิจกรรมที่ควรทำคือสวดมนต์ทำสมาธิพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นกลาง เวลา21.00-23.00น.เป็นเวลาแห่งการเก็บพลังงาน ต้องทำร่างกายให้อบอุ่น เวลา23.00-01.00น.เป็นช่วงเวลาของถุงน้ำดี ควรดื่มน้ำก่อนนอนมากๆเมื่ออวัยวะของร่างกายขาดน้ำก็จะดึงน้ำจากถุงน้ำดีทำให้น้ำดีข้นเป็นผลให้อารมณ์ฉุนเฉียว สายตาจะเสื่อมลง นอนไม่หลับ ตื่นกลางดึก เพียงเราเริ่มต้นปฏิบัติสุขภาพดีก็จะอยู่กับเราตลอดไปโดยไม่ต้องไปไขว่ขว้า
ที่มา:อ้างอิงมาจากเอกสารNAN CLOCK

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

เผยผิวอ่อนกว่าวัย

ปรับเปลี่ยนวิธีการนอน นอนหงายให้เป็นนิสัย แต่ถ้าติดท่านอนตะแคงให้เปลี่ยนปลอกหมอนฝ้ายธรรมดาเป็นปลอกหมอนผ้าไหมหรือซาติน ความลื่นของเนื้อผ้าจะไม่ทำให้เกิดรอยกดทับบนใบหน้าเมื่อพลิกตัวไปมา

ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องของแมว โดยอัจฉรา http://www.littleangel-storycat.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องมุมรักสุขภาพ โดยปานชนก http://www.panchanok18.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องCR 7 โดยศิรินัน http://www.kaewwilai.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องดอยอินทนนท์ โดยอภิชนา http://www.nurek-inthanon.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องปายที่รัก โดยธมลวรรณ http://www.dungnimit.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องของรถ โดยไกรเมศ http://www.bukgarage.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
เรื่องเปตองโดยเมธาhttp://www.methaoonjing.blogspot.com/
ลิงค์ไปเว็บ
http://women.sanook.com/health/tips/tips_53369.php
ลิงค์ไปเว็บ
http://women.sanook.com/health/healthcare/sick_53247.php